วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

นักเขียนโปรแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (Programmer)
ทำหน้าที่ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น โปรแกรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าโปรแกรมที่ใช้กับงานด้านบัญชี หรือโปรแกรมที่ใช้กับระบบงานขนาดใหญ่ขององค์กร


นักเขียนเกม (Game maker)
ทำหน้าที่เขียนหรือพัฒนาโปรแกรมเกมคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันนี้การเขียนเกมคอมพิวเตอร์ เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย











วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ผลกระทบของไอทีด้านลบ-ด้านบวก

สลดใจ - เด็กติดเกม ม.3 ผูกคอตายเลียนแบบ GTA มรณะ "
  

เด็ก ม.3 วัย 15 ปี ลูกชายสายสืบบางเขน ผูกคอตายอนาถในแฟลตตำรวจ ศพพิลึกไม่สวมเสื้อแต่นุ่งกระโปรงสั้นสีดำ ใส่ถุงน่องแบบเต็มตัว แถมยังใช้เชือกผูกรองเท้ามัดขาทั้งสองข้างอีก พ่อออกเวรกลับไปหาลูกพบกลายเป็นศพ หัวใจแทบสลาย ไม่รู้ปมสาเหตุลูกคิดสั้นฆ่าตัวตาย เผยเป็นเด็กร่าเริง แต่ติดเกมออนไลน์-ออฟไลน์จนงอมแงม ยันไม่มีการเบี่ยงเบนทางเพศ เพื่อนรักแฉคนตายติดเกมจีทีเอ แนวอาชญากรรม สร้างตัวเองเป็นนักเลงหัวไม้ไล่ก่อเหตุชั่วร้ายเพียบ เผยเจอครั้งสุดท้ายเหมือนมาลาโทรศัพท์หาเพื่อนในกลุ่มทุกคน ตำรวจคาดคนตายซึมซับพฤติกรรมตัวละครในเกม จนเอามาเป็นแบบอย่างแต่พลาดต้องมาจบชีวิตแบบอนาถ แฉเกม GTA เป็นแนวระห่ำแตก เน้นความสะใจในการก่ออาชญากรรมทุกรูปแบบ นิยมมากในหมู่วัยรุ่นคนเล่นเกม อีกรายสาวใต้รักร้าว ซดเบียร์เคลียร์ปัญหาแต่ไม่ลงตัว วิ่งเข้าตู้โทรศัพท์สาธารณะใช้สายฮัลโหลรัดคอตัวเองตายอนาถ



 ผลกระทบของการติดเกม

1.ทำให้เกิดการลักขโมยเพื่อนำเงินไปเล่นเกม การบังคับขูดรีดเงินจากคนที่อ่อนแอกว่าเพื่อนำเงินไปเล่นเกมส์

2.การที่เด็กต้องเข้าสูการขายบริการทางเพศ หรือการขอทานเพื่อนำเงินมาเล่นเกม
3.ปัญหาความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา เมื่อเด็กติดเกมแล้ว ถ้าเด็กยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะแยกแยะเรื่องจริง และเกม อาจนำความรุนแรงจากเกมมาใช้แก้ไขปัญหาในชีวิตจริง
4.โดนล่วงละเมิดทางเพศ เพราะเด็กส่วนใหญ่จะออกไปเล่นนอกบ้าน และบางเกมยังมีการแชทได้ด้วย ทำให้มีการนัดแนะ และก่อให้การหลอกลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ
5.ปัญหาการติดสารเสพติดและยาเสพติด เนื่องจากมีการคบเพื่อนที่หลากหลายมาขึ้น อาจเป็นทั้งผุ้เสพ หรือค้ายาเพื่อนำเงินมาเล่นเกม


วิธีป้องกันการติดเกม
ทำการบ้าน หรืองานบ้านที่รับผิดชอบให้เสร็จก่อนควรเล่นเกมเฉพาะวันหยุด เช่น เย็นวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ครั้งละไม่เกิน 1ชั่วโมงในเด็กประถม ไม่เกิน 2 ชั่วโมงในเด็กวัยรุ่น และหากเด็กไม่รักษากติกา เช่น เล่นเกินเวลาไม่ทำการบ้านให้เสร็จก่อน เด็กจะต้องรับผิดชอบอย่างไร เช่น ริบเกมหรือตัดสิทธิในการเล่นเกมเป็นเวลาระยะหนึ่ง คุณหมอแนะนำว่าให้เขียนกฎ กติกา มารยาทไว้ในที่เห็นชัด เช่น หน้าคอมพิวเตอร์ และมีสมุดลงบันทึกการใช้งานคอมพิวเตอร์





วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ตัวอย่างข้อสอบ O-net ม.6

ตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีข้อสอบ O-NET
1.http://forum.02dual.com/index.php?topic=1470.0
2.http://testo-net.oporjang.com/

ตัวอย่างข้อสอบ 5 ข้อ
วิชา วิทยาศาสตร์

1.การหลั่งเพปซิโนเจนออกจากเซลล์ผนังกระเพาะอาหารอาศัยกระบวนการใด
1.กระบวนการแพร่
            2.กระบวนการเอกโซไซโทซิส
            3.การลำเลียงแบบฟาซิลิเทต
            4.การลำเลียงแบบใช้พลังงาน
2.สารใดที่ไม่พบในปัสสาวะของคนปกติ
            1.โปรตีน                                 2.ยูเรีย
            3.ยูริก                                       4.เกลือโซเดียม
3.อวัยวะใดที่ไม่ทำหน้าที่ขับเกลืออกจากร่างกายของปลาทะเลส่วนใหญ่
            1.เหงือก                                   2.ทวารหนัก
            3.ไต                                         4.ผิวหนัง
4.คอนแทร็กไทล์แวคิวโอล (contractile vacuole) ที่พบในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
            1.ย่อยอาหาร                            2.กำจัดกากอาหาร
            3.กำจัดน้ำ                                4.ข้อ 2 และ 3
5.หลังจากออกกำลังกายกลางแดดนานๆร่างกายมีกลไลในการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิอย่างไร
1.ลดอัตราเมแทบอลิซึม และหลอดเลือดขยายตัว
2.ลดอัตราเมแทบอลิซึม และหลอดเลือดหดตัว
3.เพิ่มอัตราเมแทบอลิซึม และหลอดเลือดขยายตัว
4.เพิ่มอัตราเมแทบอลิซึม และหลอดเลือดหดตัว

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์ จากเว็บ vcharkarn.com

ชื่อเว็บ : http://www.vcharkarn.com/project/508
ชื่อโครงงาน : เกมขุนแผน ( The Story of Khun Pan )
เนื้อหาสาระสำคัญ :
โปรแกรมเกมขุนแผน(The Story of Khun Pan) เป็นเกมที่ดึงเอาตัวละครในวรรณคดีไทย เรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน นำมาพัฒนาเป็นเกมในรูปแบบ RPG (Role Playing Game) Turn Base การดำเนินเรื่องราวต่างๆ โดยอ้างอิงจากเรื่องขุนช้าง ขุนแผน โดยจะมีตัวละครหลักคือ ขุนแผน โดยเริ่มต้นจาก ขุนแผนในวัยเด็ก และดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ โดยจะมีการต่อสู้กับศัตรูใบแบบ Turn Base และยังมีระบบภารกิจ (Quest) เพื่อให้ผู้เล่นได้ฝึกการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้ตัวละครมีทักษะที่เก่งขึ้น และเกมยังได้มีการพัฒนาระบบ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เพื่อให้ตัวละครภายในเกม สามารถโต้ตอบกับผู้เล่นได้ นอกจากผู้เล่นเกมนี้จะได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว โปรแกรมเกมขุนแผน ยังแฝงไปด้วยความรู้เกี่ยวกับวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผนอีกด้วย

โปรแกรมที่ใช้สร้าง :
1.Torque Game Engine เป็นชุดคำสั่ง ที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรม
2.การใช้ Joystick
3.การใช้โทรศัพท์มือถือควบคุมผ่าน Bluetooth

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโครงงาน


ประเภทของสื่อการเรียนรู้

การจำแนกประเภทของสื่อการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้สามารถจำแนกออกตามลักษณะได้เป็น 3 ประเภท คือ

1. สื่อสิ่งพิมพ์ หมายถึง หนังสือและเอกสารสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่แสดงหรือเรียบเรียงสาระความรู้ต่าง ๆ โดยใช้ตัวหนังสือที่เป็นตัวเขียน หรือตัวพิมพ์เป็นสื่อในการแสดงความหมาย สื่อสิ่งพิมพ์มีหลายชนิด ได้แก่ เอกสาร หนังสือเรียน หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร บันทึก รายงาน ฯลฯ
2. สื่อเทคโนโลยี หมายถึง สื่อการเรียนรู้ที่ผลิตขึ้นใช้ควบคู่กับเครื่องมือโสตทัศนวัสดุ หรือเครื่องมือที่เป็น เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น แถบบันทึกภาพพร้อมเสียง (วิดีทัศน์) แถบบันทึกเสียง ภาพนิ่ง สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน นอกจากนี้สื่อเทคโนโลยี ยังหมายรวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนรู้ เช่น การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้ การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เป็นต้น
3. สื่ออื่น ๆ นอกเหนือจากสื่อ 2 ประเภทที่กล่าวไปแล้ว ยังมีสื่ออื่น ๆ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อเทคโนโลยี สื่อที่กล่าวนี้ ได้แก่ 
     3.1 บุคคล หมายถึง บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ซึ่งสามารถถ่ายทอด สาระความรู้ แนวคิดและ ประสบการณ์ไปสู่บุคคลอื่น เช่น บุคลากรในท้องถิ่น แพทย์ ตำรวจ นักธุรกิจ เป็นต้น 
     3.2 ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมายถึง สิ่งมีอยู่ตามธรรมชาติและสภาพแวดล้อมตัวผู้เรียน เช่น พืชผักผลไม้ ปรากฏการณ์ ห้องปฏิบัติการ เป็นต้น
     3.3 กิจกรรม / กระบวนการ หมายถึง กิจกรรมหรือกระบวนการที่ผู้สอนและผู้เรียนกำหนดขึ้นเพื่อสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ ใช้ในการฝึกทักษะซึ่งต้องใช้กระบวนการคิด การปฏิบัติ การเผชิญสถานการณ์และ การประยุกต์ความรู้ของผู้เรียน เช่น บทบาทสมมติ การสาธิต การจัดนิทรรศการ การทำโครงงาน เกม เพลง เป็นต้น 
     3.4 วัสด เครื่องมือและอุปกรณหมายถึง วัสดุที่ประดิษฐ์ขึ้นใช้เพื่อประกอบการเรียนรู้ เช่น หุ่มจำลอง แผนภูมิ แผนที่ ตาราง สถิติ รวมถึงสื่อประเภทเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ทดลองวิทยาศาสตร์ เครื่องมือช่าง เป็นต้น





วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์



1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ 
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คำถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว ปัญหาที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน ดังนี้ 
          1. การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสารต่างๆ
          2. 
การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ
          3. 
การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งการสนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนหรือกับบุคคลอื่นๆ
          4. 
กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน
          5. 
งานอดิเรกของนักเรียน
          6. 
การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์
ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบสำคัญ ดังนี้
          1. ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
          2. 
สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้
          3. 
มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคำปรึกษา
          4. 
มีเวลาเพียงพอ
          5. 
มีงบประมาณเพียงพอ
          6. 
มีความปลอดภัย
 

2. 
ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล 
 
การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการขอคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกำหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดำเนินการทำโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาจะต้องได้คำตอบว่า
          1. จะทำ อะไร                                   
          2. 
ทำไมต้องทำ
          3. 
ต้องการให้เกิดอะไร
          4. 
ทำอย่างไร
          5. 
ใช้ทรัพยากรอะไร
          6. 
ทำกับใคร
          7. 
เสนอผลอย่างไร
 


3. องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน 




รายงาน
รายละเอียดที่ต้องระบุ
ชื่อโครงงาน
ทำอะไร กับใคร เพื่ออะไร
ประเภทโครงงาน
วิเคราะห์จากลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้
ชื่อผู้จัดทำโครงงาน
ผู้รับผิดชอบโครงงาน อาจเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มก็ได้
ครูที่ปรึกษาโครงงาน
ครู-อาจารย์ผู้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และควบคุมการทำโครงงานของนักเรียน
ครูที่ปรึกษาร่วม
ครู-อาจารย์ผู้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาร่วม ให้คำแนะนำในการทำโครงงานของนักเรียน
ระยะเวลาดำเนินงาน
ระยะเวลาการดำเนินงานโครงงาน ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด กำหนดเป็นวัน หรือ เดือนก็ได้
แนวคิด ที่มา และความสำคัญ
สภาพปัจจุบันที่เป็นความต้องการและความคาดหวังที่จะเกิดผล
วัตถุประสงค์
สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงงานทั้งในเชิงกระบวนการ และผลผลิต
หลักการและทฤษฎี  
หลักการและทฤษฎีที่นำมาใช้ในการพัฒนาโครงงาน
วิธีดำเนินงาน 
กิจกรรมหรือขั้นตอนการดำเนินงาน เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณ และผู้รับผิดชอบ
ขั้นตอนการปฏิบัติ  
วัน เวลา และกิจกรรมดำเนินการต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด
ผลที่คาดว่าจะได้รับ 
สภาพของผลที่ต้องการให้เกิด ทั้งที่เป็นผลผลิต กระบวนการ และผลกระทบ
เอกสารอ้างอิง
สื่อเอกสาร ข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆ ที่นำมาใช้ในการดำเนินงาน




4. การลงมือทำโครงงาน เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทำโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่าครึ่ง ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังนี้
     4.1 การเตรียมการ การเตรียมการ ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย และควรเตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับบันทึกการทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างทำโครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ
     4.2 การลงมือพัฒนา             
           1.ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทำให้ผลงานดีขึ้น
           2.
จัดระบบการทำงานโดยทำส่วนที่เป็นหลักสำคัญๆ ให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่อยทำ ส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น และถ้ามีการแบ่งงานกันทำ ให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย 
         3.พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน 
     4.3 การทดสอบผลงานและแก้ไข การตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน เป็นความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทำงานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการ ที่ระบุไว้ในเป้าหมายและทำด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย 
     4.4 การอภิปรายและข้อเสนอแนะ เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทำสรุปด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่างครอบคลุม เพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทำโครงงาน และทำการอภิปรายผลด้วย เพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้ พร้อมกับนำ ไปหาความสัมพันธ์กับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนำหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย
     4.5 แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ เมื่อทำโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกต ประเด็นที่สำคัญ หรือปัญหา ซึ่งสามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาและหรือใช้ประโยชน์ต่อไปได้  

5. การเขียนรายงาน 
  
การเขียนรายงานเป็นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้
     5.1 ส่วนนำ ส่วนนำ เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานนั้นซึ่งประกอบด้วย
          1. 
ชื่อโครงงาน
          2. 
ชื่อผู้ทำโครงงาน
          3. 
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
          4. 
คำขอบคุณ เป็นคำกล่าวขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงาน ที่มีส่วนช่วยทำให้โครงงานสำเร็จ
 
          5. 
บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มา ความสำคัญ วัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการ และผลที่ได้โดยย่อ
     5.2 บทนำ บทนำเป็นส่วนรายละเอียดของเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วย
          1. 
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
          2. 
เป้าหมายของการศึกษาค้นคว้า
 
          3. 
ขอบเขตของโครงงาน
     5.3 หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎี เป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี หรือวิธีการที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นักเรียนนำมาเปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติมด้วย 
     5.4 วิธีดำเนินการ วิธีดำเนินการ อธิบายขั้นตอนการดำเนินงานโดยละเอียด พร้อมทั้งระบุปัญหาหรืออุปสรรคที่พบพร้อมทั้งวิธีการที่ใช้แก้ไข พร้อมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำงาน  
     5.5 ผลการศึกษา ผลการศึกษา นำเสนอข้อมูลหรือระบบที่พัฒนาได้ โดยอาจแสดงเป็นตาราง หรือ กราฟ หรือข้อความ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงความเข้าใจของผู้อ่านเป็นหลัก  
     5.6 สรุปผลและข้อเสนอแนะ สรุปผลและข้อเสนอแนะ อธิบายผลสรุปที่ได้จากการทำ งาน ถ้ามีการตั้งสมมติฐานควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้ นอกจากนั้นยังควรกล่าวถึงการนำ ผลการทดลองหรือพัฒนาไปใช้ประโยชน์ อุปสรรคของการทำโครงงาน หรือข้อสังเกตที่สำคัญ หรือข้อผิดพลาดบางประการที่เกิดขึ้นจากการทำ โครงงานนี้ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก้ไขหากจะมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องทำนองนี้ต่อไปในอนาคตด้วย  
     5.7 ประโยชน์ ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน ระบุประโยชน์ที่นักเรียนได้รับจากการพัฒนาโครงงานนั้น และประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการนำผลงานของโครงงานไปใช้ด้วย  
     5.8 บรรณานุกรม บรรณานุกรม รวบรวมรายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสาร หรือเว็บไซด์ต่างๆ ที่ผู้ทำ โครงงานใช้ค้นคว้า หรืออ่านเพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่นำมาใช้ประโยชน์ในการทำ โครงงานนี้การเขียนเอกสารบรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องตามหลักการเขียนด้วย  
     5.9 การจัดทำคู่มือการใช้งาน หาโครงงานที่นักเรียนจัดทำ เป็นการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นมา ให้นักเรียนจัดทำคู่มืออธิบายวิธีการใช้ผลงานนั้นโดยละเอียด ซึ่งประกอบด้วย            
         1. ชื่อผลงาน
          2. 
ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ ระบุรายละเอียดของคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีเพื่อจะใช้ผลงานนั้นได้
          3. 
ความต้องการของซอฟต์แวร์ ระบุรายชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อจะให้ผลงานนั้นทำงานได้อย่างสมบูรณ์
          4. 
คุณลักษณะของผลงาน อธิบายว่าผลงานนั้นทำ หน้าที่อะไรบ้าง รับอะไรเป็นข้อมูลขาเข้าและส่วนอะไรออกมาเป็นข้อมูลขาออก
          5. 
วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชัน อธิบายว่าจะต้องกดคำสั่งใด หรือกดปุ่มใด เพื่อให้ผลงานทำงานในฟังก์ชันหนึ่งๆ
   

6. การนำเสนอและแสดงโครงงาน การนำเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทำโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลความคิด ความพยายามในการทำงานที่ผู้ทำโครงงานได้ทุ่มเท และเป็นวิธีทำให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น การเสนอผลงานอาจทำได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น การแสดงผลงานโดยไม่มีการอธิบายประกอบการรายงานด้วยคำพูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร์และอธิบายด้วยคำพูด เป็นต้น โดยผลงานที่นำมาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
          1. 
ชื่อโครงงาน
          2. 
ชื่อผู้จัดทำโครงงาน
          3. 
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
          4. 
คำอธิบายถึงที่มาและความสำคัญของโครงงาน
          5. 
วิธีการดำเนินการที่สำคัญ
          6. 
การสาธิตผลงาน
          7. 
ผลการสังเกตและข้อสรุปสำคัญที่ได้จากการทำโครงงาน